วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2558

ชีววิถี..เลี้ยงกุ้งก้ามแดง ทางเลือก..ต้นทุนสุดต่ำ

ยิ่งรก...ยิ่งรอด
กล่าวถึงวิธีการเลี้ยง “กุ้งก้ามแดง” หรือ “ล็อบสเตอร์น้ำจืด”
“ก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดที่จะเลี้ยงกุ้งพันธุ์นี้เลย แต่เพราะ 4 ปีก่อน ซื้อลูกกุ้งมา 4 ตัว ตัวละ 30 บาท ไม่รู้ว่ามันคือกุ้งอะไร คิดว่าเป็นกุ้งสวยงาม เลยเอามาปล่อยในอ่างเลี้ยงปลาหางนกยูง เลี้ยงแบบตามมีตามเกิด ไม่ได้ให้อาหารอะไรเลย แต่สังเกตเห็นสาหร่ายหางกระรอกในอ่างเลี้ยงปลาค่อยๆ ลดลง แสดงว่ามันกินเป็นอาหารได้”





ลูกกุ้ง


3 เดือนผ่านไป กุ้งเริ่มโตเท่าหัวแม่มือ จึงย้ายลงบ่อปูนที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย...เลี้ยงไปอีกไม่กี่เดือน คราวนี้กุ้งออกลูกลอยเป็นแพเต็มบ่อ เมื่อให้มันกินสาหร่ายเป็นอาหารได้ ประทีป เลยทดลองเอาแหนมาใส่เป็นอาหาร กุ้งตัวเล็กตัวน้อยก็เติบโตได้ ใครที่มาดูงานศูนย์การเรียนรู้ฯ เห็นแล้วชอบใจ ขอซื้อลูกกุ้งไปเลี้ยง...จากจุดนี้ ขายแค่ลูกกุ้งรายได้ไม่เลว ปีหนึ่งให้ลูก 3-4 ครั้ง





แหนอาหารเลี้ยงกุ้งก้ามแดง


จากเริ่มต้นด้วยลูกกุ้งแค่ 4 ตัว เลี้ยงเล่นๆ สนุกแค่ปีเดียว ลูกกุ้งมีมากมาย เลยแบ่งส่วนหนึ่ง 500 ตัวลงแปลงนาสาธิตของศูนย์เรียนรู้ฯ พื้นที่ขนาด กว้าง 3 เมตร ยาว 5 เมตร ขังน้ำลึกประมาณ 1 ฝ่ามือ ปลูกข้าวเต็มรกไปหมด กั้นตาข่ายโดยรอบ เพื่อป้องกันนก หนู สัตว์แปลกปลอมเล็ดลอดเข้าไปจับกุ้ง





มุ้งตาข่ายป้องกันสัตว์อื่นๆให้กุ้ง

“เอาลูกกุ้งมาปล่อยในนาสาธิต ปล่อยไปอย่างนั้นไม่ได้คิดอะไร แค่อยากทดลองอะไรเล่นสนุกๆ ถึงได้รู้กุ้งพันธุ์นี้จะอยู่รอดได้มากแค่ไหน ขึ้นอยู่กับว่าเราทำที่หลบซ่อนให้มันได้ดีแค่ไหน เพราะศัตรูของมันไม่ได้มีแค่พวกสัตว์อื่นๆ ที่เราต้องมุ้งตาข่ายป้องกันเท่านั้น มันยังกินกันเองอีกด้วย โดยเฉพาะในช่วงที่มีการลอกคราบ กุ้งตัวไหนลอกคราบ ไม่มีที่ให้หลบซ่อนมักจะเจอตัวอื่นมารุมจับกินเป็นอาหาร”

วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2558

ปัญหาต่างๆและคำตอบของการเลี้ยง Cray fish


  • เลี้ยงเครฟิชรวมกันหลายสายพันธุ์ได้หรือไม่
ไม่ควร เนื่องจากแต่ละสายพันธุ์มีลักษณะนิสัย, ถิ่นที่อยู่อาศัย, ปัยจัยแวดล้อม, อุณหภูมิน้ำ รวมถึงความกร้าวร้าวแตกต่างกัน
  • เลี้ยงเครฟิชรวมกับปลาได้หรือไม่
ไม่ควร เนื่องจากกุ้งเครฟิชเป็นนักล่า หากต้องการเลี้ยงจริง ๆ ให้เลือกปลาที่ว่ายน้ำเร็วและหากินบริเวณผิวน้ำ เช่น ปลาซิวชนิดต่าง ๆ
  • ตู้ขนาดต่าง ๆ เลี้ยงกุ้งเครฟิชได้จำนวนกี่ตัว
- ตู้ขนาด 24 นิ้ว จำนวนที่เหมาะสมในการเลี้ยง = 2 ตัว
- ตู้ขนาด 30 นิ้ว จำนวนที่เหมาะสมในการเลี้ยง = 3 ตัว
- ตู้ขนาด 36 นิ้ว จำนวนที่เหมาะสมในการเลี้ยง = 4-5 ตัว
- ตู้ขนาด 48 นิ้ว จำนวนที่เหมาะสมในการเลี้ยง = 7-8 ตัว

คำเตือน
กุ้งเครฟิชเป็นนักล่าที่มีนิสัยกร้าวร้าวและหวงถิ่นอาศัย ในการเลี้ยงรวมกันผู้เลี้ยงควรจัดที่หลบซ่อนให้เพียงพอกับจำนวนเครฟิชและแยกตัวที่ใกล้ลอกคราบออกจากตู้เลี้ยงเพื่อลดโอกาสการสูญเสีย หากเป็นไปได้หาซื้อแผ่นกั้นตู้มาใช้จะดีที่สุดครับ

  • กุ้งเครฟิชกินอาหารอะไรบ้าง
อ่านบนความ อาหารของเครฟิช

  • เสริมแคลแซียมให้กุ้งเครฟิชได้อย่างไรบ้าง
- ให้กินกระดองปลาหมึกหรือลิ้นทะเล, ปลาแห้ง ฯลฯ
- ผสมแคลเซียมน้ำในอาหาร หรือผสมในน้ำในปริมาณที่เพียงพอ
- ใส่หินแร่ทิดิไมท์ในตู้เลี้ยง

  • ทำยังไงให้กุ้งสีสวยและเข้มขึ้น
- ให้กินพืชผักที่สีสารเบต้าแคโรทีนหรือสไปรูลิน่า เช่น แครอท, ฟักทอง, สาหร่าย ฯลฯ
- ใช้วัสดุรองพื้นสีเข้ม เช่น หินนิลดำ
- เลี้ยงในบริเวณที่มีแสงสว่างเพียงพอ

  • ทำไมไม่ค่อยกินอาหาร
มีปัจจัยหลายอย่าง เช่น อยู่ในช่วงใกล้ลอกคราบ, เบื่ออาหาร, ป่วยเป็นโรคสนิม ฯลฯ

  • ผสมพันธุ์ได้เมื่อไหร่
อายุประมาณ 4-5 เดือน หรือขนาดจากหัวถึงหาง 2-3 นิ้วขึ้นไป

  • ผสมข้ามสายพันธุ์ได้หรือไม่
ไม่ได้ เนื่องจากมีอวัยวะสืบพันธุ์ไม่เหมือนกัน

  • ผสมพันธุ์เครฟิชอย่างไร
อ่านบทความ การขยายพันธุ์เครฟิช

  • ดูแลแม่กุ้งเครฟิชที่มีไข่อย่างไร
- พยายามไม่ไปรบกวนหรือทำให้แม่กุ้งตกใจ เครียด
- งดการเปลี่ยนถ่ายน้ำหรือเปลี่ยนน้ำไม่เกิน 10% ของทั้งหมด เพื่อป้องกันการสลัดไข่
- ลดปริมาณการให้อาหารเพื่อรักษาคุณภาพน้ำ

  • นานแค่ไหนไข่ถึงฟักเป็นตัว
ประมาณ 20-30 วัน

  • ดูแลลูกเครฟิชเกิดใหม่อย่างไร
- จัดหาที่หลบซ่อนให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ เช่น ขอนไม้, ท่อ PVC, สาร่าย, เชือกฟางที่มัดรวมกันเป็นปอมปอม
- รักษาคุณภาพน้ำ เปลี่ยนถ่ายน้ำอย่างสม่ำเสมอ

  • อาหารของลูกเครฟิชเกิดใหม่คืออะไร
อาหารเม็ด, หนอนแดง, สาหร่าย ฯลฯ

  • ก้ามขาด, หนวดขาด, ขาขาด งอกใหม่ได้หรือไม่
สามารถงอกใหม่ได้ในการลอกคราบครั้งต่อไป

  • ตาขาด ตาแหว่ง งอกใหม่ได้หรือไม่
กุ้งเครฟิชสามารถสร้างเนื้อเยื่อบริเวณตาขึ้นมาใหม่ได้เอง

  • ทำไมกุ้งเครฟิชตายระหว่างลอกคราบ
สะสมสารอาหารไม่เพียงพอ หรือไม่ยอมกินอาหารเพราะเป็นโรคสนิม

  • สาเหตุใดบ้างที่ทำให้กุ้งเครฟิชตาย
- เครฟิชที่ซื้อมาร่างกายไม่แข็งแรง อ่อนแอ ป่วยหรือติดโรคต่าง ๆ

- สภาพน้ำไม่เหมาะสม ค่า PH, อุณหภูมิ, ไนไตรท์, แอมโมเนีย, คลอรีน ฯลฯ

- มีสารเคมีเจือปนในน้ำ เช่น ทาครีมกันแดดแล้วเอามือจุ่มในตู้เลี้ยง, ฉีดยาฆ่าแมลง ฯลฯ

- ถูกโจมตีในช่วงลอกคราบ

- มีปรสิตหรือพยาธิในระบบประสาท

- ขาดน้ำเป็นเวลานาน

- ขาดออกซิเจน

- ลอกคราบไม่ผ่าน

เริ่มต้นเลี้ยงเครฟิช


มีเงื่อนไขที่ผู้เลี้ยงต้องทำความเข้าใจกันก่อนดังนี้

  • ความรับผิดชอบเป็นสิ่งสำคัญ : ก่อนจะซื้อกุ้งเครฟิชมาเลี้ยงควรถามตัวเองก่อนว่าสามารถรับผิดชอบเลี้ยงดูด้วยตนเองได้หรือไม่ โดยเฉพาะน้อง ๆ เด็ก ๆ เพราะว่าการตัดสินใจนำเค้ามาเลี้ยงนั้น ผู้เลี้ยงต้องยอมรับภาระที่เพิ่มมากขึ้น ทั้งการให้อาหาร เปลี่ยนถ่ายน้ำ ดูดเศษอาหาร ล้างตู้ ฯลฯ ผู้เลี้ยงบางคนช่วงแรก ๆ กำลังเห่อก็ดูแลดีครับ แต่พอเบื่อแล้วก็เลี้ยงแบบทิ้งขว้าง หากเบื่อหรือไม่มีเวลาดูแล ห้ามนำไปปล่อยในแม่น้ำอย่างเด็ดขาด เพราะเครฟิชเป็นสัตว์ต่างถิ่น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ในแหล่งน้ำของไทยอย่างรุนแรง ถ้าเลี้ยงไม่ไหวแนะนำให้ประกาศขายหรือแจกเพื่อน ๆ จะดีกว่าครับ
  • ถ้ารักกันจริงต้องมีเวลาให้ : ถึงแม้ว่าเครฟิชไม่ต้องการการดูแลเอาใจใส่มากเท่าสุนัขหรือแมว แต่เครฟิชต้องการความรักความเอาใจใส่จากผู้เลี้ยงเช่นกัน ผู้เลี้ยงต้องมีเวลาให้อาหารวันละ 2 มือ และเปลี่ยนถ่ายน้ำตามกำหนดสัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดยเฉพาะคุณภาพน้ำเป็นสิ่งที่ผู้เลี้ยงต้องให้ความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากโรคภัยต่าง ๆ ของเครฟิชส่วนใหญ่มาจากคุณภาพน้ำที่ไม่ดี มีเศษอาหารหมัก
  • ศึกษาข้อมูลก่อนคิดจะเลี้ยง : ควรศึกษาหาข้อมูลก่อนเลี้ยง สมมุติว่าอยากเลี้ยง Bright Orange (Procambarus Clarkii) ก็ให้ค้นหาข้อมูลที่จำเป็นต้องรู้ในการเลี้ยง เช่น ถิ่นกำเนิด ลักษณะนิสัย อาหารการกิน วิธีการเลี้ยงดู อุณหภูมิ ฯลฯ เพื่อจะได้เตรียมความพร้อมในการเลี้ยงดูได้ถูกต้อง
  • ทุนทรัพย์และอุปกรณ์ : เตรียมงบประมาณไว้สำหรับค่าอุปกรณ์(ไม่รวมกุ้ง) 500-600 บาทก็สามารถเริ่มต้นเลี้ยงได้แล้วครับ
  • มีจิตใจอ่อนโยนรักสัตว์ : ข้อนี้สำคัญเพราะเป็นพื้นฐานของการเลี้ยงสัตว์ทุกชนิด

ความเป็นมาของ Crayfish


Crayfish นั้นมีถิ่นกำเนิดกว้างขวางมาก ทั้งในทวีปอเมริกาเหนือ ยุโรป เอเซียตะวันออก และออสเตรเลีย ในปัจจุบันมีการบรรยายอนุกรมวิธานของ Crayfish ไปมากกว่า500ชนิดแล้ว โดยมากกว่าครึ่งหนึ่งนั้นเป็นCrayfish ที่มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาเหนือ ในธรรมชาติCrayfish จะอาศัยกกตัวอยู่ตามโขดหินหรือใต้ ขอนไม้อยู่ในทั้งลำธาร หนองน้ำ หรือแม้กระทั่งทะเลสาปพูดมาถึงจุดนี้แล้วหลายๆท่านอาจจะยังสังสัย ว่า เอ๊ะ!ไอ้Crayfishที่ว่านี่มันคือตัวอะไร ทำไมชื่อไม่ค่อยคุ้นหู จริงๆแล้วเจ้าCrayfish ที่กำลังกล่าวถึงนี้เชื่อว่าทุกๆ คนนั้นรู้จักมันในนามของกุ้งล็อบสเตอร์น้ำจืดนั่นเอง
ในบทความนี้เรา จะขอจำแนกCrayfish แบบคร่าวๆละกัน ซึ่งแบบที่เข้าใจง่ายที่สุดน่าจะเป็นการแบ่งตามโซนถิ่นกำเนิดตามธรรมชาติ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น กลุ่ม คือProcambarus ที่มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาและยุโรป อีกกลุ่มหนึ่งคือCherax ซึ่งมีถิ่นกำเนิดในโซน ออสเตรเลีย ปาปัวนิวกินี และอินโดนีเซีย  ส่วนการเลี้ยงดูCrayfish ทั้งสองกลุ่มนี้ค่อนข้างคล้ายคลึงกัน จึงจะขอกล่าวรวมๆทีเดียวไปเลย
ตู้เลี้ยง
ใน กรณีที่ต้องการเลี้ยงCrayfish รวมกันหลายๆตัว ควรจะเลี้ยงในตู้ปลาที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่หน่อย อย่างเช่น ตู้ปลาขนาด24 นิ้วขึ้นไป เนื่องจากCrayfishนั้นมีนิสัยหวงถิ่นและค่อนข้างก้าวร้าว จึงต้องการตู้ เลี้ยงที่ค่อนข้างใหญ่หน่อยเพื่อให้กุ้งแต่ละตัวได้สร้างอาณาเขต ถ้าเลี้ยงในตู้ขนาดเล็ก อาจพบว่าจะมีการตบตี แย่งชิงที่อยู่ ก้ามใหญ่โตทั้งสองข้างนั้นไม่ได้มีไว้แค่ความสวยงามอย่างแน่นอน โดย Crayfishจะใช้ก้ามต่อสู้กันจนก้ามหัก ขาขาด บาดเจ็บหรือกระทบกระทั่งกันบาดเจ็บปางตายได้ เมื่อเลี้ยงCrayfish รวมกันอย่างหนาแน่น จะพบว่าCrayfishขนาดเล็กๆ มักจะถูกรังแกและมีโอกาสที่จะถูกCrayfishที่มีขนาดใหญ่กว่ากินเป็นอาหารได้ การเลี้ยงในตู้เลี้ยงขนาดใหญ่จะช่วยลดโอกาสที่กุ้งแต่ละตัวจะโคจรมาพบกันและ ต่อสู้ กันได้ นอกจากนี้ผู้เลี้ยงควรจะใส่ขอนไม้ กระถางต้นไม้แตกๆ กะลามะพร้าวที่เจาะเป็นโพรง หรือท่อพีวีซีตัด เป็นท่อนๆเพื่อให้เจ้าCrayfish ได้พักพิงหลบอาศัยในเวลากลางวัน ปกติแล้วช่วงกลางวันมันจะหาที่หมกตัวอยู่เงียบๆ แต่Crayfishจะออกมาจากที่ซ่อนเพื่อหาอาหารในเวลากลางคืนมากกว่า ผู้เลี้ยงอาจจะใส่วัสดุหลบซ่อนตัวไว้คนละมุมตู้เพื่อให้กุ้งได้สร้างอาณาเขต ของตนได้ชัดเจนมากขึ้น  เพราะว่าโดยธรรมชาติแล้ว อาณาเขตการหาอาหารของCrayfishแต่ละตัว จะครอบคลุมพื้นที่ประมาณ40เซนติเมตร นอก จากนี้Crayfishยังขึ้นชื่อว่าเป็นจอมหายตัวผู้เลี้ยงหลายๆท่านอาจจะตื่นเช้าขึ้นมาพบว่าเจ้าล๊อบสเตอร์ที่เลี้ยงไว้ ได้หายสาปสูญไปสันนิษฐานได้เลยว่าเจ้ากุ้งน้อยได้เล่นกายกรรมไต่สายออกซิเจนหลบหนีไปแล้ว ค้นหาดีๆจะพบซากกุ้งน้อยตากแห้งอยู่ใกล้ๆก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นตู้เลี้ยง Crayfish ควรจะมีฝาปิดให้มิดชิดด้วย

การเลี้ยงกุ้งเครฟิช

เนื่องจากมีคนสนใจอยากได้ข้อมูลเกี่ยวกับการเลี้ยงและผสมพันธุ์น้องเครที่รักของเรา

ก็เลยคิดว่าน่าจะดีถ้าทำเป็นกระทู้ให้ผู้ที่สนใจได้เข้ามาอ่านกัน

แต่ต้องขอออกตัวก่อนว่าสิ่งที่กำลังจะเขียนนี้เราได้กลั่นกรองออกมาจากประสบการณ์

จริงของเราล้วน ๆ นะคะ  อาจไม่ตรงกับสิ่งที่ใครหลายคนคิดต้องขออภัยด้วย

การเลือกซื้อน้องเคร

  1. เลือกซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้และผู้ขายสามารถให้ความรู้กับเราได้ในเบื้องต้น  
  2. เลือกตัวที่แข็งแรงให้ลองแหย่ ๆ เค้าดูถ้าตัวไหนชูก้ามสู้  หรือมีปฏิกิริยากระโดดหนี
อย่างรวดเร็วเป็นต้น  ที่สำคัญตาต้องอยู่ครบเพราะไม่สามารถงอกใหม่ได้

การเลือกซื้อตู้ให้เหมาะสม

เครฟิชเป็นกุ้งที่ต้องการพื้นที่  เพื่อลดการปะทะหรือให้น้องกุ้งได้มีพื้นที่เดินบ้างจะได้แข็งแรง
จากประสบการณ์ส่วนตัวที่สังเกตุมาน้องกุ้งตัวไหนที่เดินเก่ง ๆ ขนหิน  มีกิจกรรมตลอดเวลา
ชอบปีนป่าย  กุ้งพวกนี้จะมีรูปร่างสวยงามแข็งแรงกว่ากุ้งที่ชอบหมอบ ๆ และหลบ ๆ ตัวอย่างตู้ที่ใช้เลี้ยงจะเป็นทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส  (ทรง Cube) เพื่อให้มีพื้นที่มากพอ
สำหรับน้องกุ้งเค้าค่ะ  

วัสดุปูพื้นตู้

โดยส่วนตัวแล้วชอบหินนิลดำเพราะทำให้น้องกุ้งสีสวยขึ้น  ราคาถูก  และทำความสะอาดง่ายค่ะ

การให้อาหาร

จะให้อาหารวันละสองครั้งเช้าและค่ำ ๆ ค่ำ  พยายามให้อาหารให้ตรงเวลาค่ะน้องกุ้งจะได้สุขภาพดี
และก็เก็บเศษอาหารออกให้หมดค่ะ  สังเกตพฤติกรรมการกินอาหารของน้องกุ้งด้วยค่ะเพราะการ
ไม่กินอาหารของน้องกุ้งบ่งบอกว่าน้องกำลังจะลอกคราบค่ะ  จะได้แยกเค้าออกทัน

การลอกคราบ

เป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ ค่ะสำหรับการเลี้ยงรวม 90 เปอร์เซ็นต์ของกุ้งเครฟิชจะหยุดกินอาหาร
ก่อนจะลอกคราบประมาณ 1-2 วันและจะแยกตัวออกจากกลุ่มเพื่อน ๆ หรือปีนขึ้นไปอยู่ที่สูง
หรือไม่ก็หลบในมุมที่ไม่ค่อยมีกุ้งตัวอื่น ๆ เข้าไปกวน
สิ่งที่สังเกตุได้ง่ายอีกอย่างคือสีของน้องกุ้งจะทึบและเข้มขึ้นกว่าปกติ  

การผสมพันธุ์

เอาล่ะตอนนี้มาถึงเรื่องที่เพื่อน ๆ หลายคนอยากรู้ว่าทำยังไงทำไมถึงท้องเยอะจัง
ก็ต้องบอกว่าไม่ได้มีเคล็ดลับอะไรมากมายค่ะ  ให้อาหารก็ยี่ห้อที่ทั่ว ๆ ไปเค้าใช้กัน
แต่จะเสริมด้วยอาหารสดบางอย่างเช่น  หนอนแดง  กุ้งฝอยต้ม  แครอท  สาหร่ายหางกระรอก
เมื่อเค้าโตประมาณ 2.5 นิ้ว  น้องเครเค้าจะมีสัญชาตญาณหื่นขึ้นมาเองค่ะ  เค้าก็จะเริ่ม
ผสมกันให้เห็นบ่อยครั้งค่ะ  และในตู้ส่วนใหญ่จะใส่ตัวเมียไว้มากกว่าตัวผู้เสมอ  (เหมือนฮาเร็ม)
เพื่อที่ตัวผู้จะสามารถผสมพันธุ์กับตัวเมียสลับไปสลับมาได้  เพราะถ้าอยู่ในตู้กันสองต่อสอง
ตัวผู้บางตัวที่หื่น จัดๆ อาจข่มขืนตัวเมียจนตายได้ค่ะ  (หลายท่านคงเจอมาแล้ว)

หลังจากเค้าเริ่มผสมพันธุ์กันสิ่งที่จะเกิดขึ้นเลยคือพฤติกรรมการกินอาหารของเค้า
จะกินน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดทั้งตัวผู้และตัวเมีย  และตัวเมียก็จะหมอบ ๆ หางม้วน ๆ ค่ะ
บางท่านอาจจะแยกตัวเมียออกไปโดยปกติแล้วหลังจากผสมแล้วประมาณ 15 วัน
ก็จะรู้ผลแล้วว่าติดหรือไม่  ถ้าไม่ก็ผสมซ้ำได้เลย  แต่ประสบการณ์ส่วนตัวเรา
ใช้วิธีสังเกตุว่าตัวเมียในตู้ตัวไหนถูกผสมบ่อยสุด จะคอยจับตาพฤติกรรมเค้า
เป็นพิเศษ   ถ้าเค้าจะไข่เค้าจะหาที่มุด ๆ หลบ ๆ ตามใต้ขอนไม้หรือในบ้าน
และจะดุมากใครเข้าไปใกล้ ๆ เค้าจะชูก้ามขู่เพื่อไม่ให้ตัวอื่นมายุ่มยามบริเวณบ้านเค้า
และที่สำคัญเลยเค้าจะไม่ออกมากินอาหารเราก็จะเขี่ย ๆ ดูว่ามีไข่รึเปล่าถ้าไข่
ก็จะใช้วิธีแยกตัวที่ไข่ออกมาจากตู้   แต่...  ก่อนจะแยกกุ้งไข่จากตู้สิ่งที่ต้องทำก่อนคือจัดตู้คุณแม่กุ้งให้เรียบร้อย
ตอนแรก ๆ เลยเราใช้ตู้กระจกธรรมดานี่แหละค่ะให้แม่กุ้งอยู่แล้วใช้ฟิวเจอร์บอร์ด
ปิดรอบตู้ให้มืด ๆ เพื่อไม่ให้แม่กุ้งเครียด

แต่ตอนหลังเราใช้ถังพลาสติกค่ะใหญ่ ๆ กว่าตู้ 24 ค่ะ  จำไซส์ไม่ได้แล้ว
แล้วเอาน้ำในตู้ที่แม่กุ้งเค้าอยู่เดิมนั่นแหละใส่ลงไป  ใส่กรองฟองน้ำลงไป
แล้วก็ค่อย ๆ ช้อนแม่กุ้งมาใส่ในขันซึ่งขันนั้นต้องมีน้ำอยู่ด้วยนะคะน้ำก็
เป็นน้ำในตู้เค้าแหละค่ะ  เวลาช้อนก็ค่อย ๆ นะคะอย่าให้คุณแม่เค้าตกใจ
จนกระโดดล่ะเดี๋ยวไข่หลุดหมด  โดยส่วนตัวก็จะคุยกับคุณแม่กุ้งเค้า
บอกเค้าว่ามาหาแม่มามะ  เดี๋ยวแม่พาไปอยู่ที่ใหม่ไม่มีใครมารบกวน
เลยนะลูกนะ  เค้าจะได้รีบมาไงคะ  อิอิ  

แล้วก็เอาขันนั้นน่ะมาค่อย ๆ เอียงนะคะให้น้ำในถังค่อย ๆ ไหลเข้าไปในขัน
ให้เค้าชิน ๆ หน่อยแล้วก็ค่อย ๆ เทเค้าเบา ๆ ลงไปในถัง  หลังจากนั้นก็
ใช้ฟิวเจอร์บอร์ดสีดำ ๆ ปิดปากถังไม่ต้องปิดหมดนะคะ แค่ครึ่งเดียวก็พอ
ไม่ให้มีแสงสว่างมากนัก  แต่อย่าปิดหมดนะคะเพราะจำทำให้อบค่ะ
อุณหภูมิของน้ำอาจสูงขึ้นได้

แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้นการจัดที่อยู่สำหรับคุณแม่กุ้งกันแล้ว

การให้อาหารคุณแม่กุ้งเครฟิช

การให้อาหารไม่ต้องมากค่ะเช่น  กุ้งฝอยต้ม ตัวเค้าก็กินไม่หมดแล้ว
เพราะระยะที่เค้าอุ้มไข่แม่กุ้งจะอดอาหารเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองลอกคราบ
ในขณะอุ้มไข่ค่ะ  ให้วันละ มื้อก็เพียงพอค่ะ  หลังจากให้อาหารแล้ว
ประมาณ 2-3 ชม. ให้ดูว่าหมดไม๊  ก็ให้เก็บเศษอาหารที่เหลือออก
ทันทีค่ะ   สิ่งที่พึงระวังอย่างมากคือคุณภาพน้ำค่ะ  ควบคุมคุณภาพน้ำ
ให้ดีค่ะอย่าให้มีของเสียเยอะเพราะแม่กุ้งจะสลัดไข่ทิ้งค่ะ  

อุณหภูมิ

การจัดวางตู้คุณแม่กุ้งสถานที่เป็นสิ่งสำคัญมากให้ดูว่าตรงไหนที่จะไม่ทำให้
อุณหภูมิของน้ำเปลี่ยนขึ้นลงเร็วเกินไปค่ะ   อุณหภูมิของน้ำที่เหมาะสม
จะอยู่ที่ประมาณ 25  องศา ค่ะ  พยายามควบคุมอย่าให้อุณหภูมิเปลี่ยนแปลง
มากนักเช่น ไม่ควรขึ้นหรือลงเกิน องศาค่ะ  เพราะจะทำให้คุณแม่กุ้ง
เกิดความเครียดและสลัดไข่ทิ้งเช่นกัน

สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ช่วยควบคุมไม่ให้อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงมาก  และรวดเร็ว
คือปริมาณของน้ำค่ะ  ดังนั้นสิ่งสำคัญคือตู้คุณแม่กุ้งต้องใหญ่ ๆ ค่ะ  
น้ำต้องเยอะ ๆ ค่ะ  อุณหภูมิของน้ำจะไม่เปลี่ยนแปลงมากค่ะ

ระยะเวลาการการฟักไข่

หลังจากที่คุณแม่เค้าเริ่มไข่แล้วจะให้ระยะเวลาประมาณสามสัปดาห์สีของไข่
จะเริ่มทยอยเปลี่ยนสี  อย่างเช่น  อัลลินี่ไข่ระยะแรกสีจะดำ  หลังจากนั้น
ไข่จะพัฒนาค่อย ๆ ทยอยเปลี่ยนสีเป็นใส ๆ และเริ่มเห็นเป็นตัวและลูกตา
ของน้องกุ้งตัวน้อย ๆ พร้อมที่จะออกมาชมโลก  

สีไข่ของกุ้งแค่ละสีจะไม่เหมือนกันนะคะ  เช่น อัลลินี่ไข่จะสีดำ
ในระยะแรก  สโนว์ไข่จะสีขาว  บลูสป็อตไข่จะอีกสีน้ำตาลนิด ๆ ค่ะ
แต่ระยะสุดท้ายจะพัฒนาเป็นใส ๆ และมีจุดสองจุดคือลูกตาน้องกุ้ง
นั่นเอง  

นับจากวันที่อุ้มไข่ประมาณ 30 วันไข่ที่ถูกผสมจะพัฒนาเป็นลูกกุ้ง
ส่วนไข่ที่ไม่ผสมคุณแม่กุ้งเค้าก็จะสลัดทิ้งไปโดยตัวเค้าเองค่ะ
ระยะนี้คุณแม่กุ้งเค้าจะยืนนิ่ง ๆ ทั้งวันค่ะ  เพื่อให้เจ้ากุ้งน้อย ๆ ที่พร้อมแล้วกระโดดออกมาจากระยางค์ของเค้า  ระยะนี้
จะใช้เวลาประมาณ 2-4 วันโดยประมาณแล้วแต่ปริมาณ
ของไข่ที่ฟักค่ะ

การดูแลคุณแม่กุ้งหลังคลอดและเด็ก ๆ 

หลังจากเจ้าตัวน้อย ๆ ออกมาเดินเป็นยุงกันเต็มแล้ว
คุณแม่กุ้งเค้าก็จะเริ่มกินอาหารมากขึ้นค่ะ  เพื่อสะสม
อาหารสำหรับการลอกคราบ  

โดยปกติแล้วพอเจ้าตัวน้อยออกไปหมดแล้วเราก็จะทำการ
แยกแม่กุ้งออกเลยค่ะ  แล้วก็ให้เค้ากินอาหาร  หลังจากนั้น
ประมาณ สัปดาห์คุณแม่เค้าก็จะลอกคราบค่ะ  คุณแม่บางตัว
อาจลอกคราบถึงสองครั้งหลังจากการอุ้มท้อง  แต่บางตัวก็
ลอกแค่ครั้งเดียวค่ะ

ส่วนลูกกุ้งนั้น  เราก็จะใส่สาหร่ายหางกระรอกให้เค้าเยอะ ๆ ค่ะ
สำหรับเป็นที่หลบภัย  และก็เป็นอาหารได้ด้วย
ผ่านไปประมาณ สัปดาห์ก็จะเริ่มให้อาหารเม็ดค่ะ
ที่ใช้อยู่จะเป็น เตตร้าครัสต้าค่ะ  ที่เป็นแผ่นบาง ๆ ค่ะ
ที่เลือกใช้แบบนี้เพราะแผ่นบาง ๆ สามารถละลายน้ำ
ได้ง่ายเหมาะสำหรับลูกกุ้งวัยอนุบาลค่ะ กินง่าย
ตอนแรกเคยทดลองให้ไข่ต้มค่ะ  แต่ปรากฎว่ากุ้งกินค่ะ
แต่ไม่เป็นผลดีกับน้ำเลยทำให้น้ำเสียและลูกกุ้งก็
ตายไปหลายตัวเหมือนกันค่ะ

การให้อาหารก็กะเอาค่ะไม่ต้องมากค่ะ  เพราะเรา
ใส่สาหร่ายหางกระรอกอยู่แล้วยังไงน้องกุ้งน้อย
เค้าก็มีสาหร่ายให้แทะกินได้ตลอดเวลาค่ะ
ไม่ต้องกลัวเค้าจะหิวเพราะถ้าอาหารเหลือ
น้ำเสีย  อาจถึงตายได้ค่ะ

ตู้สำหรับกุ้งวัยอนุบาล

หลังจากน้องกุ้งเริ่มตัวโตขึ้นแล้ว   เราก็จะค่อย ๆ แยกน้องกุ้งออกไปค่ะเฉลี่ย ๆ ดู  อย่าให้แออัดมากนัก
เพราะน้องกุ้งเค้าจะกินกันเองตอนลอกคราบได้ค่ะ


ตอนนี้คิดออกแค่นี้ค่ะ  ถ้ามีใครสนใจหรือสงสัยอะไร
สามารถสอบถามเพิ่มได้ค่ะ  คิดคนเดียวคิดไม่ออกแล้วค่ะ
อ้อสิ่งสำคัญมาก ๆ อีกอย่างสำหรับการเลี้ยงน้องกุ้ง
ต้องระวังเลยอันตรายมาก ๆ คือเรื่องสารเคมีค่ะ
ไม่ว่าจะเป็นสปรย์ฉีดผม  สเปรย์ปรับอากาศ  ยาทาเล็บ
น้ำยาล้างเล็บ  เจลใส่ผม  เหล่านี้เป็นต้น  เพื่อความ
ปลอดภัยของน้องกุ้งที่คุณรัก   ก่อนจะหยิบจับหรือ
ทำภาระกิจใด ๆ ภายในตู้กุ้งควรล้างมือของท่าน
ให้เรียบร้อยก่อนทุกครั้งค่ะ   เพราะสารเคมีจาก
สิ่งที่เราใช้อยู่อาจเป็นอันตรายกับน้องกุ้งที่คุณรัก
ได้นะคะ