วันพุธที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2559

ขายพันธ์ุกุ้งก้ามแดง



ท่านใดสนใจ กุ้งก้ามแดง จังหวัดนครสวรรค์ พ่อแม่พันธ์ุ

โทรสอบถาม  08-9644-8912

วันเสาร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ปัญหาโรคสนิมของกุ้งเครฟิช

ปัญหาโรคสนิมในส่วนของกุ้งเครฟิชนั้น จะเกิดเป็น ลักษณะคล้ายมีผงสนิมสีน้ำตาลหรือสีทอง เกาะอยู่ตามตัวสัตว์น้ำ โรคนี้นั้นเกิดจากเชื้อโปรโตซัวร์ เกิดจากเชื้อ Piscinoodinium pillularis ช่วงชีวิตหนึ่งซึ่งต้องอาศัยเกาะติดกับสัตว์น้ำ ในฐานะปรสิต อาศัยสัตว์น้ำ สังเคราะห์แสงได้เช่นเดียวกับพืช ทำให้เรามองเห็นปรสิตดังกล่าวเป็นสีน้ำตาล สีทอง หรือสีคล้ายกับสนิม จึงเป็นที่มาของชื่อเรียกว่า โรคสนิม
มันสามารถดูซับสารอาหาร จากตัวสัตว์น้ำได้ ทำให้เกิดบาดแผล ติดเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อราแทรกซ้อนได้ นำมาซึ่งสาเหตุการตายที่สำคัญของสัตว์น้ำ สัตว์ น้ำป่วยเป็นโรค จะเซื่องซึม ไม่ค่อยเคลื่อนไหว ไม่กินอาหาร ปัญหาโรคสนิมนี่เกิดได้ ทั้งในปลา และ ในกุ้งครับ
นอกจากนี้ ยังมีโรคในกลุ่มของ โรควิบริโอซีส ที่เป็นอันตรายต่อกุ้งเครฟิชได้
อาการ: ตามระยางค์ของกุ้งจะเกิดมีรอยไหม้สีดำเกิดขึ้น จากการที่กุ้งพยายามสร้างเม็ดสี การอักเสบบริเวณตับ ตับอ่อน ตับฝ่อ การกินอาหารลดลงและอาจตายได้ (มีการเกิดระบาดโดยเฉพาะในขณะที่น้ำมีความเค็มสูง = 20-30 ppt.)
สาเหตุของโรค: จากการติดเชื้อวิบริโอ (Vibrio spp.)
การรักษา:
1.ใช้สารเคมีกลุ่มไอโอดีน
2.ใช้ยาในกลุ่มยาปฏิชีวนะ
การป้องกัน:
1.ควบคุมปริมาณอาหารที่ให้อยู่ในระดับเหมาะสม
2.การเปลี่ยนแปลงคุณภาพน้ำ และควบคุมปัจจัยต่างๆ ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
ผู้เลี้ยงควรจะรักษาคุณภาพของน้ำให้สะอาดอยู่เสมอ เนื่องจากหากว่าคุณภาพน้ำไม่ดี กุ้งจะลอกคราบไม่ผ่าน และโรคสนิมนี้จะลุกลามเร็วมาก มีอัตราการตายสูง
วิธี รักษาเบื้องต้น คือ การถ่ายน้ำและเร่งให้กุ้งลอกคราบออกเสีย จากนั้นจึงตักคราบทิ้งทันที เร่งการลอกคราบทำได้โดยการถ่ายน้ำด้วยน้ำที่มีค่า Alkalinity สูงกว่าอยู่ในตู้ หรือปรับน้ำให้มีค่าอยู่ในช่วงที่จะกระตุ้นได้ ( น้ำจืด 80 – 100 ppm น้ำเค็ม 150 – 200 ppm ) หากยังเป็นโรคนี้ขึ้นมาอีกให้ใช้ยา Chioramphenicol 5-7 MG ผสมอาหาร 1 ขีด ให้กินติดต่อกันจนกว่าจะหาย ( ต้องคำนวณปริมาณยารักษาให้เหมาะสม และถูกต้อง ไม่อย่างนั้น จะเกิดอันตรายต่อกุ้งได้ ) โดยปกติแล้วกุ้งที่มีสุขภาพดี และ คุณภาพน้ำเหมาะสม จะลอกคราบเดือนละ 1 – 2 ครั้ง ขึ้นกับชนิดและวัยของกุ้งด้วย ซึ่งถึงแม้ว่ากุ้งจะไม่ค่อยเป็นโรค แต่ถ้าเป็นแล้วจะรุนแรง และ สูญเสียเร็วมาก จึงต้องมีการเอาใจใส่เป็นอย่างดีครับ การดูแลกุ้งเครฟิชให้มีสุขภาพดี ด้วยระบบน้ำที่สะอาด และ อาหารที่มีคุณภาพ จะช่วยป้องกันให้กุ้งมีโอกาศเป็นโรคนี้ น้อยลง ( ในภาพไม่ได้เป็นโรค )

วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2558

ชีววิถี..เลี้ยงกุ้งก้ามแดง ทางเลือก..ต้นทุนสุดต่ำ

ยิ่งรก...ยิ่งรอด
กล่าวถึงวิธีการเลี้ยง “กุ้งก้ามแดง” หรือ “ล็อบสเตอร์น้ำจืด”
“ก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดที่จะเลี้ยงกุ้งพันธุ์นี้เลย แต่เพราะ 4 ปีก่อน ซื้อลูกกุ้งมา 4 ตัว ตัวละ 30 บาท ไม่รู้ว่ามันคือกุ้งอะไร คิดว่าเป็นกุ้งสวยงาม เลยเอามาปล่อยในอ่างเลี้ยงปลาหางนกยูง เลี้ยงแบบตามมีตามเกิด ไม่ได้ให้อาหารอะไรเลย แต่สังเกตเห็นสาหร่ายหางกระรอกในอ่างเลี้ยงปลาค่อยๆ ลดลง แสดงว่ามันกินเป็นอาหารได้”





ลูกกุ้ง


3 เดือนผ่านไป กุ้งเริ่มโตเท่าหัวแม่มือ จึงย้ายลงบ่อปูนที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย...เลี้ยงไปอีกไม่กี่เดือน คราวนี้กุ้งออกลูกลอยเป็นแพเต็มบ่อ เมื่อให้มันกินสาหร่ายเป็นอาหารได้ ประทีป เลยทดลองเอาแหนมาใส่เป็นอาหาร กุ้งตัวเล็กตัวน้อยก็เติบโตได้ ใครที่มาดูงานศูนย์การเรียนรู้ฯ เห็นแล้วชอบใจ ขอซื้อลูกกุ้งไปเลี้ยง...จากจุดนี้ ขายแค่ลูกกุ้งรายได้ไม่เลว ปีหนึ่งให้ลูก 3-4 ครั้ง





แหนอาหารเลี้ยงกุ้งก้ามแดง


จากเริ่มต้นด้วยลูกกุ้งแค่ 4 ตัว เลี้ยงเล่นๆ สนุกแค่ปีเดียว ลูกกุ้งมีมากมาย เลยแบ่งส่วนหนึ่ง 500 ตัวลงแปลงนาสาธิตของศูนย์เรียนรู้ฯ พื้นที่ขนาด กว้าง 3 เมตร ยาว 5 เมตร ขังน้ำลึกประมาณ 1 ฝ่ามือ ปลูกข้าวเต็มรกไปหมด กั้นตาข่ายโดยรอบ เพื่อป้องกันนก หนู สัตว์แปลกปลอมเล็ดลอดเข้าไปจับกุ้ง





มุ้งตาข่ายป้องกันสัตว์อื่นๆให้กุ้ง

“เอาลูกกุ้งมาปล่อยในนาสาธิต ปล่อยไปอย่างนั้นไม่ได้คิดอะไร แค่อยากทดลองอะไรเล่นสนุกๆ ถึงได้รู้กุ้งพันธุ์นี้จะอยู่รอดได้มากแค่ไหน ขึ้นอยู่กับว่าเราทำที่หลบซ่อนให้มันได้ดีแค่ไหน เพราะศัตรูของมันไม่ได้มีแค่พวกสัตว์อื่นๆ ที่เราต้องมุ้งตาข่ายป้องกันเท่านั้น มันยังกินกันเองอีกด้วย โดยเฉพาะในช่วงที่มีการลอกคราบ กุ้งตัวไหนลอกคราบ ไม่มีที่ให้หลบซ่อนมักจะเจอตัวอื่นมารุมจับกินเป็นอาหาร”

วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2558

ปัญหาต่างๆและคำตอบของการเลี้ยง Cray fish


  • เลี้ยงเครฟิชรวมกันหลายสายพันธุ์ได้หรือไม่
ไม่ควร เนื่องจากแต่ละสายพันธุ์มีลักษณะนิสัย, ถิ่นที่อยู่อาศัย, ปัยจัยแวดล้อม, อุณหภูมิน้ำ รวมถึงความกร้าวร้าวแตกต่างกัน
  • เลี้ยงเครฟิชรวมกับปลาได้หรือไม่
ไม่ควร เนื่องจากกุ้งเครฟิชเป็นนักล่า หากต้องการเลี้ยงจริง ๆ ให้เลือกปลาที่ว่ายน้ำเร็วและหากินบริเวณผิวน้ำ เช่น ปลาซิวชนิดต่าง ๆ
  • ตู้ขนาดต่าง ๆ เลี้ยงกุ้งเครฟิชได้จำนวนกี่ตัว
- ตู้ขนาด 24 นิ้ว จำนวนที่เหมาะสมในการเลี้ยง = 2 ตัว
- ตู้ขนาด 30 นิ้ว จำนวนที่เหมาะสมในการเลี้ยง = 3 ตัว
- ตู้ขนาด 36 นิ้ว จำนวนที่เหมาะสมในการเลี้ยง = 4-5 ตัว
- ตู้ขนาด 48 นิ้ว จำนวนที่เหมาะสมในการเลี้ยง = 7-8 ตัว

คำเตือน
กุ้งเครฟิชเป็นนักล่าที่มีนิสัยกร้าวร้าวและหวงถิ่นอาศัย ในการเลี้ยงรวมกันผู้เลี้ยงควรจัดที่หลบซ่อนให้เพียงพอกับจำนวนเครฟิชและแยกตัวที่ใกล้ลอกคราบออกจากตู้เลี้ยงเพื่อลดโอกาสการสูญเสีย หากเป็นไปได้หาซื้อแผ่นกั้นตู้มาใช้จะดีที่สุดครับ

  • กุ้งเครฟิชกินอาหารอะไรบ้าง
อ่านบนความ อาหารของเครฟิช

  • เสริมแคลแซียมให้กุ้งเครฟิชได้อย่างไรบ้าง
- ให้กินกระดองปลาหมึกหรือลิ้นทะเล, ปลาแห้ง ฯลฯ
- ผสมแคลเซียมน้ำในอาหาร หรือผสมในน้ำในปริมาณที่เพียงพอ
- ใส่หินแร่ทิดิไมท์ในตู้เลี้ยง

  • ทำยังไงให้กุ้งสีสวยและเข้มขึ้น
- ให้กินพืชผักที่สีสารเบต้าแคโรทีนหรือสไปรูลิน่า เช่น แครอท, ฟักทอง, สาหร่าย ฯลฯ
- ใช้วัสดุรองพื้นสีเข้ม เช่น หินนิลดำ
- เลี้ยงในบริเวณที่มีแสงสว่างเพียงพอ

  • ทำไมไม่ค่อยกินอาหาร
มีปัจจัยหลายอย่าง เช่น อยู่ในช่วงใกล้ลอกคราบ, เบื่ออาหาร, ป่วยเป็นโรคสนิม ฯลฯ

  • ผสมพันธุ์ได้เมื่อไหร่
อายุประมาณ 4-5 เดือน หรือขนาดจากหัวถึงหาง 2-3 นิ้วขึ้นไป

  • ผสมข้ามสายพันธุ์ได้หรือไม่
ไม่ได้ เนื่องจากมีอวัยวะสืบพันธุ์ไม่เหมือนกัน

  • ผสมพันธุ์เครฟิชอย่างไร
อ่านบทความ การขยายพันธุ์เครฟิช

  • ดูแลแม่กุ้งเครฟิชที่มีไข่อย่างไร
- พยายามไม่ไปรบกวนหรือทำให้แม่กุ้งตกใจ เครียด
- งดการเปลี่ยนถ่ายน้ำหรือเปลี่ยนน้ำไม่เกิน 10% ของทั้งหมด เพื่อป้องกันการสลัดไข่
- ลดปริมาณการให้อาหารเพื่อรักษาคุณภาพน้ำ

  • นานแค่ไหนไข่ถึงฟักเป็นตัว
ประมาณ 20-30 วัน

  • ดูแลลูกเครฟิชเกิดใหม่อย่างไร
- จัดหาที่หลบซ่อนให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ เช่น ขอนไม้, ท่อ PVC, สาร่าย, เชือกฟางที่มัดรวมกันเป็นปอมปอม
- รักษาคุณภาพน้ำ เปลี่ยนถ่ายน้ำอย่างสม่ำเสมอ

  • อาหารของลูกเครฟิชเกิดใหม่คืออะไร
อาหารเม็ด, หนอนแดง, สาหร่าย ฯลฯ

  • ก้ามขาด, หนวดขาด, ขาขาด งอกใหม่ได้หรือไม่
สามารถงอกใหม่ได้ในการลอกคราบครั้งต่อไป

  • ตาขาด ตาแหว่ง งอกใหม่ได้หรือไม่
กุ้งเครฟิชสามารถสร้างเนื้อเยื่อบริเวณตาขึ้นมาใหม่ได้เอง

  • ทำไมกุ้งเครฟิชตายระหว่างลอกคราบ
สะสมสารอาหารไม่เพียงพอ หรือไม่ยอมกินอาหารเพราะเป็นโรคสนิม

  • สาเหตุใดบ้างที่ทำให้กุ้งเครฟิชตาย
- เครฟิชที่ซื้อมาร่างกายไม่แข็งแรง อ่อนแอ ป่วยหรือติดโรคต่าง ๆ

- สภาพน้ำไม่เหมาะสม ค่า PH, อุณหภูมิ, ไนไตรท์, แอมโมเนีย, คลอรีน ฯลฯ

- มีสารเคมีเจือปนในน้ำ เช่น ทาครีมกันแดดแล้วเอามือจุ่มในตู้เลี้ยง, ฉีดยาฆ่าแมลง ฯลฯ

- ถูกโจมตีในช่วงลอกคราบ

- มีปรสิตหรือพยาธิในระบบประสาท

- ขาดน้ำเป็นเวลานาน

- ขาดออกซิเจน

- ลอกคราบไม่ผ่าน

เริ่มต้นเลี้ยงเครฟิช


มีเงื่อนไขที่ผู้เลี้ยงต้องทำความเข้าใจกันก่อนดังนี้

  • ความรับผิดชอบเป็นสิ่งสำคัญ : ก่อนจะซื้อกุ้งเครฟิชมาเลี้ยงควรถามตัวเองก่อนว่าสามารถรับผิดชอบเลี้ยงดูด้วยตนเองได้หรือไม่ โดยเฉพาะน้อง ๆ เด็ก ๆ เพราะว่าการตัดสินใจนำเค้ามาเลี้ยงนั้น ผู้เลี้ยงต้องยอมรับภาระที่เพิ่มมากขึ้น ทั้งการให้อาหาร เปลี่ยนถ่ายน้ำ ดูดเศษอาหาร ล้างตู้ ฯลฯ ผู้เลี้ยงบางคนช่วงแรก ๆ กำลังเห่อก็ดูแลดีครับ แต่พอเบื่อแล้วก็เลี้ยงแบบทิ้งขว้าง หากเบื่อหรือไม่มีเวลาดูแล ห้ามนำไปปล่อยในแม่น้ำอย่างเด็ดขาด เพราะเครฟิชเป็นสัตว์ต่างถิ่น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ในแหล่งน้ำของไทยอย่างรุนแรง ถ้าเลี้ยงไม่ไหวแนะนำให้ประกาศขายหรือแจกเพื่อน ๆ จะดีกว่าครับ
  • ถ้ารักกันจริงต้องมีเวลาให้ : ถึงแม้ว่าเครฟิชไม่ต้องการการดูแลเอาใจใส่มากเท่าสุนัขหรือแมว แต่เครฟิชต้องการความรักความเอาใจใส่จากผู้เลี้ยงเช่นกัน ผู้เลี้ยงต้องมีเวลาให้อาหารวันละ 2 มือ และเปลี่ยนถ่ายน้ำตามกำหนดสัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดยเฉพาะคุณภาพน้ำเป็นสิ่งที่ผู้เลี้ยงต้องให้ความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากโรคภัยต่าง ๆ ของเครฟิชส่วนใหญ่มาจากคุณภาพน้ำที่ไม่ดี มีเศษอาหารหมัก
  • ศึกษาข้อมูลก่อนคิดจะเลี้ยง : ควรศึกษาหาข้อมูลก่อนเลี้ยง สมมุติว่าอยากเลี้ยง Bright Orange (Procambarus Clarkii) ก็ให้ค้นหาข้อมูลที่จำเป็นต้องรู้ในการเลี้ยง เช่น ถิ่นกำเนิด ลักษณะนิสัย อาหารการกิน วิธีการเลี้ยงดู อุณหภูมิ ฯลฯ เพื่อจะได้เตรียมความพร้อมในการเลี้ยงดูได้ถูกต้อง
  • ทุนทรัพย์และอุปกรณ์ : เตรียมงบประมาณไว้สำหรับค่าอุปกรณ์(ไม่รวมกุ้ง) 500-600 บาทก็สามารถเริ่มต้นเลี้ยงได้แล้วครับ
  • มีจิตใจอ่อนโยนรักสัตว์ : ข้อนี้สำคัญเพราะเป็นพื้นฐานของการเลี้ยงสัตว์ทุกชนิด

ความเป็นมาของ Crayfish


Crayfish นั้นมีถิ่นกำเนิดกว้างขวางมาก ทั้งในทวีปอเมริกาเหนือ ยุโรป เอเซียตะวันออก และออสเตรเลีย ในปัจจุบันมีการบรรยายอนุกรมวิธานของ Crayfish ไปมากกว่า500ชนิดแล้ว โดยมากกว่าครึ่งหนึ่งนั้นเป็นCrayfish ที่มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาเหนือ ในธรรมชาติCrayfish จะอาศัยกกตัวอยู่ตามโขดหินหรือใต้ ขอนไม้อยู่ในทั้งลำธาร หนองน้ำ หรือแม้กระทั่งทะเลสาปพูดมาถึงจุดนี้แล้วหลายๆท่านอาจจะยังสังสัย ว่า เอ๊ะ!ไอ้Crayfishที่ว่านี่มันคือตัวอะไร ทำไมชื่อไม่ค่อยคุ้นหู จริงๆแล้วเจ้าCrayfish ที่กำลังกล่าวถึงนี้เชื่อว่าทุกๆ คนนั้นรู้จักมันในนามของกุ้งล็อบสเตอร์น้ำจืดนั่นเอง
ในบทความนี้เรา จะขอจำแนกCrayfish แบบคร่าวๆละกัน ซึ่งแบบที่เข้าใจง่ายที่สุดน่าจะเป็นการแบ่งตามโซนถิ่นกำเนิดตามธรรมชาติ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น กลุ่ม คือProcambarus ที่มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาและยุโรป อีกกลุ่มหนึ่งคือCherax ซึ่งมีถิ่นกำเนิดในโซน ออสเตรเลีย ปาปัวนิวกินี และอินโดนีเซีย  ส่วนการเลี้ยงดูCrayfish ทั้งสองกลุ่มนี้ค่อนข้างคล้ายคลึงกัน จึงจะขอกล่าวรวมๆทีเดียวไปเลย
ตู้เลี้ยง
ใน กรณีที่ต้องการเลี้ยงCrayfish รวมกันหลายๆตัว ควรจะเลี้ยงในตู้ปลาที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่หน่อย อย่างเช่น ตู้ปลาขนาด24 นิ้วขึ้นไป เนื่องจากCrayfishนั้นมีนิสัยหวงถิ่นและค่อนข้างก้าวร้าว จึงต้องการตู้ เลี้ยงที่ค่อนข้างใหญ่หน่อยเพื่อให้กุ้งแต่ละตัวได้สร้างอาณาเขต ถ้าเลี้ยงในตู้ขนาดเล็ก อาจพบว่าจะมีการตบตี แย่งชิงที่อยู่ ก้ามใหญ่โตทั้งสองข้างนั้นไม่ได้มีไว้แค่ความสวยงามอย่างแน่นอน โดย Crayfishจะใช้ก้ามต่อสู้กันจนก้ามหัก ขาขาด บาดเจ็บหรือกระทบกระทั่งกันบาดเจ็บปางตายได้ เมื่อเลี้ยงCrayfish รวมกันอย่างหนาแน่น จะพบว่าCrayfishขนาดเล็กๆ มักจะถูกรังแกและมีโอกาสที่จะถูกCrayfishที่มีขนาดใหญ่กว่ากินเป็นอาหารได้ การเลี้ยงในตู้เลี้ยงขนาดใหญ่จะช่วยลดโอกาสที่กุ้งแต่ละตัวจะโคจรมาพบกันและ ต่อสู้ กันได้ นอกจากนี้ผู้เลี้ยงควรจะใส่ขอนไม้ กระถางต้นไม้แตกๆ กะลามะพร้าวที่เจาะเป็นโพรง หรือท่อพีวีซีตัด เป็นท่อนๆเพื่อให้เจ้าCrayfish ได้พักพิงหลบอาศัยในเวลากลางวัน ปกติแล้วช่วงกลางวันมันจะหาที่หมกตัวอยู่เงียบๆ แต่Crayfishจะออกมาจากที่ซ่อนเพื่อหาอาหารในเวลากลางคืนมากกว่า ผู้เลี้ยงอาจจะใส่วัสดุหลบซ่อนตัวไว้คนละมุมตู้เพื่อให้กุ้งได้สร้างอาณาเขต ของตนได้ชัดเจนมากขึ้น  เพราะว่าโดยธรรมชาติแล้ว อาณาเขตการหาอาหารของCrayfishแต่ละตัว จะครอบคลุมพื้นที่ประมาณ40เซนติเมตร นอก จากนี้Crayfishยังขึ้นชื่อว่าเป็นจอมหายตัวผู้เลี้ยงหลายๆท่านอาจจะตื่นเช้าขึ้นมาพบว่าเจ้าล๊อบสเตอร์ที่เลี้ยงไว้ ได้หายสาปสูญไปสันนิษฐานได้เลยว่าเจ้ากุ้งน้อยได้เล่นกายกรรมไต่สายออกซิเจนหลบหนีไปแล้ว ค้นหาดีๆจะพบซากกุ้งน้อยตากแห้งอยู่ใกล้ๆก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นตู้เลี้ยง Crayfish ควรจะมีฝาปิดให้มิดชิดด้วย

การเลี้ยงกุ้งเครฟิช

เนื่องจากมีคนสนใจอยากได้ข้อมูลเกี่ยวกับการเลี้ยงและผสมพันธุ์น้องเครที่รักของเรา

ก็เลยคิดว่าน่าจะดีถ้าทำเป็นกระทู้ให้ผู้ที่สนใจได้เข้ามาอ่านกัน

แต่ต้องขอออกตัวก่อนว่าสิ่งที่กำลังจะเขียนนี้เราได้กลั่นกรองออกมาจากประสบการณ์

จริงของเราล้วน ๆ นะคะ  อาจไม่ตรงกับสิ่งที่ใครหลายคนคิดต้องขออภัยด้วย

การเลือกซื้อน้องเคร

  1. เลือกซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้และผู้ขายสามารถให้ความรู้กับเราได้ในเบื้องต้น  
  2. เลือกตัวที่แข็งแรงให้ลองแหย่ ๆ เค้าดูถ้าตัวไหนชูก้ามสู้  หรือมีปฏิกิริยากระโดดหนี
อย่างรวดเร็วเป็นต้น  ที่สำคัญตาต้องอยู่ครบเพราะไม่สามารถงอกใหม่ได้

การเลือกซื้อตู้ให้เหมาะสม

เครฟิชเป็นกุ้งที่ต้องการพื้นที่  เพื่อลดการปะทะหรือให้น้องกุ้งได้มีพื้นที่เดินบ้างจะได้แข็งแรง
จากประสบการณ์ส่วนตัวที่สังเกตุมาน้องกุ้งตัวไหนที่เดินเก่ง ๆ ขนหิน  มีกิจกรรมตลอดเวลา
ชอบปีนป่าย  กุ้งพวกนี้จะมีรูปร่างสวยงามแข็งแรงกว่ากุ้งที่ชอบหมอบ ๆ และหลบ ๆ ตัวอย่างตู้ที่ใช้เลี้ยงจะเป็นทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส  (ทรง Cube) เพื่อให้มีพื้นที่มากพอ
สำหรับน้องกุ้งเค้าค่ะ  

วัสดุปูพื้นตู้

โดยส่วนตัวแล้วชอบหินนิลดำเพราะทำให้น้องกุ้งสีสวยขึ้น  ราคาถูก  และทำความสะอาดง่ายค่ะ

การให้อาหาร

จะให้อาหารวันละสองครั้งเช้าและค่ำ ๆ ค่ำ  พยายามให้อาหารให้ตรงเวลาค่ะน้องกุ้งจะได้สุขภาพดี
และก็เก็บเศษอาหารออกให้หมดค่ะ  สังเกตพฤติกรรมการกินอาหารของน้องกุ้งด้วยค่ะเพราะการ
ไม่กินอาหารของน้องกุ้งบ่งบอกว่าน้องกำลังจะลอกคราบค่ะ  จะได้แยกเค้าออกทัน

การลอกคราบ

เป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ ค่ะสำหรับการเลี้ยงรวม 90 เปอร์เซ็นต์ของกุ้งเครฟิชจะหยุดกินอาหาร
ก่อนจะลอกคราบประมาณ 1-2 วันและจะแยกตัวออกจากกลุ่มเพื่อน ๆ หรือปีนขึ้นไปอยู่ที่สูง
หรือไม่ก็หลบในมุมที่ไม่ค่อยมีกุ้งตัวอื่น ๆ เข้าไปกวน
สิ่งที่สังเกตุได้ง่ายอีกอย่างคือสีของน้องกุ้งจะทึบและเข้มขึ้นกว่าปกติ  

การผสมพันธุ์

เอาล่ะตอนนี้มาถึงเรื่องที่เพื่อน ๆ หลายคนอยากรู้ว่าทำยังไงทำไมถึงท้องเยอะจัง
ก็ต้องบอกว่าไม่ได้มีเคล็ดลับอะไรมากมายค่ะ  ให้อาหารก็ยี่ห้อที่ทั่ว ๆ ไปเค้าใช้กัน
แต่จะเสริมด้วยอาหารสดบางอย่างเช่น  หนอนแดง  กุ้งฝอยต้ม  แครอท  สาหร่ายหางกระรอก
เมื่อเค้าโตประมาณ 2.5 นิ้ว  น้องเครเค้าจะมีสัญชาตญาณหื่นขึ้นมาเองค่ะ  เค้าก็จะเริ่ม
ผสมกันให้เห็นบ่อยครั้งค่ะ  และในตู้ส่วนใหญ่จะใส่ตัวเมียไว้มากกว่าตัวผู้เสมอ  (เหมือนฮาเร็ม)
เพื่อที่ตัวผู้จะสามารถผสมพันธุ์กับตัวเมียสลับไปสลับมาได้  เพราะถ้าอยู่ในตู้กันสองต่อสอง
ตัวผู้บางตัวที่หื่น จัดๆ อาจข่มขืนตัวเมียจนตายได้ค่ะ  (หลายท่านคงเจอมาแล้ว)

หลังจากเค้าเริ่มผสมพันธุ์กันสิ่งที่จะเกิดขึ้นเลยคือพฤติกรรมการกินอาหารของเค้า
จะกินน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดทั้งตัวผู้และตัวเมีย  และตัวเมียก็จะหมอบ ๆ หางม้วน ๆ ค่ะ
บางท่านอาจจะแยกตัวเมียออกไปโดยปกติแล้วหลังจากผสมแล้วประมาณ 15 วัน
ก็จะรู้ผลแล้วว่าติดหรือไม่  ถ้าไม่ก็ผสมซ้ำได้เลย  แต่ประสบการณ์ส่วนตัวเรา
ใช้วิธีสังเกตุว่าตัวเมียในตู้ตัวไหนถูกผสมบ่อยสุด จะคอยจับตาพฤติกรรมเค้า
เป็นพิเศษ   ถ้าเค้าจะไข่เค้าจะหาที่มุด ๆ หลบ ๆ ตามใต้ขอนไม้หรือในบ้าน
และจะดุมากใครเข้าไปใกล้ ๆ เค้าจะชูก้ามขู่เพื่อไม่ให้ตัวอื่นมายุ่มยามบริเวณบ้านเค้า
และที่สำคัญเลยเค้าจะไม่ออกมากินอาหารเราก็จะเขี่ย ๆ ดูว่ามีไข่รึเปล่าถ้าไข่
ก็จะใช้วิธีแยกตัวที่ไข่ออกมาจากตู้   แต่...  ก่อนจะแยกกุ้งไข่จากตู้สิ่งที่ต้องทำก่อนคือจัดตู้คุณแม่กุ้งให้เรียบร้อย
ตอนแรก ๆ เลยเราใช้ตู้กระจกธรรมดานี่แหละค่ะให้แม่กุ้งอยู่แล้วใช้ฟิวเจอร์บอร์ด
ปิดรอบตู้ให้มืด ๆ เพื่อไม่ให้แม่กุ้งเครียด

แต่ตอนหลังเราใช้ถังพลาสติกค่ะใหญ่ ๆ กว่าตู้ 24 ค่ะ  จำไซส์ไม่ได้แล้ว
แล้วเอาน้ำในตู้ที่แม่กุ้งเค้าอยู่เดิมนั่นแหละใส่ลงไป  ใส่กรองฟองน้ำลงไป
แล้วก็ค่อย ๆ ช้อนแม่กุ้งมาใส่ในขันซึ่งขันนั้นต้องมีน้ำอยู่ด้วยนะคะน้ำก็
เป็นน้ำในตู้เค้าแหละค่ะ  เวลาช้อนก็ค่อย ๆ นะคะอย่าให้คุณแม่เค้าตกใจ
จนกระโดดล่ะเดี๋ยวไข่หลุดหมด  โดยส่วนตัวก็จะคุยกับคุณแม่กุ้งเค้า
บอกเค้าว่ามาหาแม่มามะ  เดี๋ยวแม่พาไปอยู่ที่ใหม่ไม่มีใครมารบกวน
เลยนะลูกนะ  เค้าจะได้รีบมาไงคะ  อิอิ  

แล้วก็เอาขันนั้นน่ะมาค่อย ๆ เอียงนะคะให้น้ำในถังค่อย ๆ ไหลเข้าไปในขัน
ให้เค้าชิน ๆ หน่อยแล้วก็ค่อย ๆ เทเค้าเบา ๆ ลงไปในถัง  หลังจากนั้นก็
ใช้ฟิวเจอร์บอร์ดสีดำ ๆ ปิดปากถังไม่ต้องปิดหมดนะคะ แค่ครึ่งเดียวก็พอ
ไม่ให้มีแสงสว่างมากนัก  แต่อย่าปิดหมดนะคะเพราะจำทำให้อบค่ะ
อุณหภูมิของน้ำอาจสูงขึ้นได้

แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้นการจัดที่อยู่สำหรับคุณแม่กุ้งกันแล้ว

การให้อาหารคุณแม่กุ้งเครฟิช

การให้อาหารไม่ต้องมากค่ะเช่น  กุ้งฝอยต้ม ตัวเค้าก็กินไม่หมดแล้ว
เพราะระยะที่เค้าอุ้มไข่แม่กุ้งจะอดอาหารเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองลอกคราบ
ในขณะอุ้มไข่ค่ะ  ให้วันละ มื้อก็เพียงพอค่ะ  หลังจากให้อาหารแล้ว
ประมาณ 2-3 ชม. ให้ดูว่าหมดไม๊  ก็ให้เก็บเศษอาหารที่เหลือออก
ทันทีค่ะ   สิ่งที่พึงระวังอย่างมากคือคุณภาพน้ำค่ะ  ควบคุมคุณภาพน้ำ
ให้ดีค่ะอย่าให้มีของเสียเยอะเพราะแม่กุ้งจะสลัดไข่ทิ้งค่ะ  

อุณหภูมิ

การจัดวางตู้คุณแม่กุ้งสถานที่เป็นสิ่งสำคัญมากให้ดูว่าตรงไหนที่จะไม่ทำให้
อุณหภูมิของน้ำเปลี่ยนขึ้นลงเร็วเกินไปค่ะ   อุณหภูมิของน้ำที่เหมาะสม
จะอยู่ที่ประมาณ 25  องศา ค่ะ  พยายามควบคุมอย่าให้อุณหภูมิเปลี่ยนแปลง
มากนักเช่น ไม่ควรขึ้นหรือลงเกิน องศาค่ะ  เพราะจะทำให้คุณแม่กุ้ง
เกิดความเครียดและสลัดไข่ทิ้งเช่นกัน

สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ช่วยควบคุมไม่ให้อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงมาก  และรวดเร็ว
คือปริมาณของน้ำค่ะ  ดังนั้นสิ่งสำคัญคือตู้คุณแม่กุ้งต้องใหญ่ ๆ ค่ะ  
น้ำต้องเยอะ ๆ ค่ะ  อุณหภูมิของน้ำจะไม่เปลี่ยนแปลงมากค่ะ

ระยะเวลาการการฟักไข่

หลังจากที่คุณแม่เค้าเริ่มไข่แล้วจะให้ระยะเวลาประมาณสามสัปดาห์สีของไข่
จะเริ่มทยอยเปลี่ยนสี  อย่างเช่น  อัลลินี่ไข่ระยะแรกสีจะดำ  หลังจากนั้น
ไข่จะพัฒนาค่อย ๆ ทยอยเปลี่ยนสีเป็นใส ๆ และเริ่มเห็นเป็นตัวและลูกตา
ของน้องกุ้งตัวน้อย ๆ พร้อมที่จะออกมาชมโลก  

สีไข่ของกุ้งแค่ละสีจะไม่เหมือนกันนะคะ  เช่น อัลลินี่ไข่จะสีดำ
ในระยะแรก  สโนว์ไข่จะสีขาว  บลูสป็อตไข่จะอีกสีน้ำตาลนิด ๆ ค่ะ
แต่ระยะสุดท้ายจะพัฒนาเป็นใส ๆ และมีจุดสองจุดคือลูกตาน้องกุ้ง
นั่นเอง  

นับจากวันที่อุ้มไข่ประมาณ 30 วันไข่ที่ถูกผสมจะพัฒนาเป็นลูกกุ้ง
ส่วนไข่ที่ไม่ผสมคุณแม่กุ้งเค้าก็จะสลัดทิ้งไปโดยตัวเค้าเองค่ะ
ระยะนี้คุณแม่กุ้งเค้าจะยืนนิ่ง ๆ ทั้งวันค่ะ  เพื่อให้เจ้ากุ้งน้อย ๆ ที่พร้อมแล้วกระโดดออกมาจากระยางค์ของเค้า  ระยะนี้
จะใช้เวลาประมาณ 2-4 วันโดยประมาณแล้วแต่ปริมาณ
ของไข่ที่ฟักค่ะ

การดูแลคุณแม่กุ้งหลังคลอดและเด็ก ๆ 

หลังจากเจ้าตัวน้อย ๆ ออกมาเดินเป็นยุงกันเต็มแล้ว
คุณแม่กุ้งเค้าก็จะเริ่มกินอาหารมากขึ้นค่ะ  เพื่อสะสม
อาหารสำหรับการลอกคราบ  

โดยปกติแล้วพอเจ้าตัวน้อยออกไปหมดแล้วเราก็จะทำการ
แยกแม่กุ้งออกเลยค่ะ  แล้วก็ให้เค้ากินอาหาร  หลังจากนั้น
ประมาณ สัปดาห์คุณแม่เค้าก็จะลอกคราบค่ะ  คุณแม่บางตัว
อาจลอกคราบถึงสองครั้งหลังจากการอุ้มท้อง  แต่บางตัวก็
ลอกแค่ครั้งเดียวค่ะ

ส่วนลูกกุ้งนั้น  เราก็จะใส่สาหร่ายหางกระรอกให้เค้าเยอะ ๆ ค่ะ
สำหรับเป็นที่หลบภัย  และก็เป็นอาหารได้ด้วย
ผ่านไปประมาณ สัปดาห์ก็จะเริ่มให้อาหารเม็ดค่ะ
ที่ใช้อยู่จะเป็น เตตร้าครัสต้าค่ะ  ที่เป็นแผ่นบาง ๆ ค่ะ
ที่เลือกใช้แบบนี้เพราะแผ่นบาง ๆ สามารถละลายน้ำ
ได้ง่ายเหมาะสำหรับลูกกุ้งวัยอนุบาลค่ะ กินง่าย
ตอนแรกเคยทดลองให้ไข่ต้มค่ะ  แต่ปรากฎว่ากุ้งกินค่ะ
แต่ไม่เป็นผลดีกับน้ำเลยทำให้น้ำเสียและลูกกุ้งก็
ตายไปหลายตัวเหมือนกันค่ะ

การให้อาหารก็กะเอาค่ะไม่ต้องมากค่ะ  เพราะเรา
ใส่สาหร่ายหางกระรอกอยู่แล้วยังไงน้องกุ้งน้อย
เค้าก็มีสาหร่ายให้แทะกินได้ตลอดเวลาค่ะ
ไม่ต้องกลัวเค้าจะหิวเพราะถ้าอาหารเหลือ
น้ำเสีย  อาจถึงตายได้ค่ะ

ตู้สำหรับกุ้งวัยอนุบาล

หลังจากน้องกุ้งเริ่มตัวโตขึ้นแล้ว   เราก็จะค่อย ๆ แยกน้องกุ้งออกไปค่ะเฉลี่ย ๆ ดู  อย่าให้แออัดมากนัก
เพราะน้องกุ้งเค้าจะกินกันเองตอนลอกคราบได้ค่ะ


ตอนนี้คิดออกแค่นี้ค่ะ  ถ้ามีใครสนใจหรือสงสัยอะไร
สามารถสอบถามเพิ่มได้ค่ะ  คิดคนเดียวคิดไม่ออกแล้วค่ะ
อ้อสิ่งสำคัญมาก ๆ อีกอย่างสำหรับการเลี้ยงน้องกุ้ง
ต้องระวังเลยอันตรายมาก ๆ คือเรื่องสารเคมีค่ะ
ไม่ว่าจะเป็นสปรย์ฉีดผม  สเปรย์ปรับอากาศ  ยาทาเล็บ
น้ำยาล้างเล็บ  เจลใส่ผม  เหล่านี้เป็นต้น  เพื่อความ
ปลอดภัยของน้องกุ้งที่คุณรัก   ก่อนจะหยิบจับหรือ
ทำภาระกิจใด ๆ ภายในตู้กุ้งควรล้างมือของท่าน
ให้เรียบร้อยก่อนทุกครั้งค่ะ   เพราะสารเคมีจาก
สิ่งที่เราใช้อยู่อาจเป็นอันตรายกับน้องกุ้งที่คุณรัก
ได้นะคะ